บทความน่ารู้
เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ( Finger Scan) ในปัจจุบันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตมากพอสมควร เครื่องสเเกนลายนิ้วมือที่ถูกใช้งานเป็น เครื่องบันทึกเวลา เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่า เข้ามาแทนที่เครื่องตอกบัตรเลยก็ว่าได้ ตัวเครื่องถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องให้ใช้งานง่าย เมนู ภาษาไทย มีความทนทานมากกว่าในอดีต (ที่สำคัญ ราคาถูกมากๆ)อายุการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม หัวอ่านของเครื่องสแกนนิ้วมือเป็นแบบกระจกที่ป้องกันการขูดขีด ทำให้อ่านลายนิ้วได้รวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย เครื่องสแกนลายนิ้วมือ แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ( Finger Scan) บันทึกเวลาอย่างเดียว เป็นเครื่องลงเวลาการทำงานของพนักงานในบริษัท องค์กรต่างๆ และป้องกันการลงเวลาแทนกันของพนักงานอีกด้วย
2.เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ( Finger Scan) บันทึกเวลา พร้อมควบคุมการเปิด – ปิด ประตู เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นใด ที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่านเข้า-ออกทางประตูนั้นๆ เช่น ประตูหน้าเข้า-ออก ห้องบัญชีและการเงิน, ประตูห้องเก็บสินค้า, ประตูห้องควบคุมระบบต่างๆ และประตูห้องที่สำคัญต่างๆ เป็นต้น
ประตูอัตโนมัติในโรงพยาบาล
นิยมใช้เป็นประตูอัตโนมัติแบบบานคู่ มักมีการติดตั้งประตูเพื่อรองรับการใช้งานในส่วนประตูทางเข้า-ออก,ห้องปลอดเชื้อ,ห้องฉุกเฉิน เป็นต้น โดยประตูอัตโนมัติแบบบานคู่ สามารถใช้ร่วมกับสวิตซ์ NO-TOUCH SWITCH / TOUCH-LESS SWITCH ในการลดข้อจำกัดบางประการของประตูอัตโนมัติบานเดี่ยว ถือว่าเป็นการทำงานที่มีประโยชน์มาก เมื่อใช้กับโรงพยาบาลที่ต้องมีผู้คนสัญจร หรือมีรถเข็นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยการเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ 2 บาน มีขนาดมาตรฐาน ที่มีความสะดวกในการจัดหาง่ายกว่าการสั่งทำประตู 1 บาน มีขนาดพิเศษ และน้ำหนักของประตูเบากว่า ทำให้รางที่รับน้ำหนักต่อบาน พร้อมความเสถียรในการรับน้ำหนักมากกว่า ทำให้มีความหนาแน่น และไม่หลุดง่าย
ประตูอัตโนมัติในโรงงาน
โรงงานทั่วไปมักใช้ประตูอัตโนมัติแทนประตูธรรมดากันแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้แบบประตูอัตโนมัติบานสวิง ที่สามารถใช้ได้กับทั้งประตูแบบบานเฟี้ยม ประตูโครงเหล็ก ประตูสแตนเลส ประตูอัลลอยด์ รองรับน้ำหนัก 200 กก.-600 กก.การออกแบบของประตูอัตโนมัติสวิง คำนึงถึงการทำงานที่นุ่มนวล และเสียงที่เบากว่ารุ่นอื่นๆ จึงเป็นระบบที่ใช้งานง่าย และยังสามารถหาตำแหน่ง ระยะการเปิด น้ำหนักของบานประตู และ มุมของการเปิดเข้าออก ด้วยการประมวลผลจาก MICROPROCESSOR เป็นประตูที่ไม่มีรางล่าง ทำความสะอาดง่าย ใช้งานง่าย มีอุปกรณ์ตั้งค้าง สามารถเปิดบานตั้งค้าง ซึ่งออกแบบสำหรับกระจกหนา 8-12 มม. หรือบานไม้หนา 25-40 มม. ระบบเดียวใช้ได้ทั้งบานเปิดซ้ายและเปิดขวา
ประตูอัตโนมัติในร้านค้า,ร้านสะดวกซื้อ
นิยมใช้กันเป็นแบบประตูอัตโนมัติแบบเลื่อน (Sliding Doors) ที่มี 2 แบบ คือ แบบบานเลื่อนเดี่ยว (Single Leaf) และ แบบบานเลื่อนคู่ (Double Leaf) โดยสามารถใช้ได้กับ SHOW ROOM ,ART GALLERY ทั้งหลายที่มีคนเข้า-ออกมาก นอกจากนั้นเมื่อมีการติดตั้งเซนเซอร์ของประตูอัตโนมัติ ทำให้ตั้งค่าการเปิดปิดได้อย่างเหมาะสม สามารถให้เซ็นเซอร์อ่านได้ตลอดเวลา อาจจะใช้ สวิตซ์อัตโนมัติร่วมกับประตู เมื่อกด SWITCH WIRELESS สำหรับประตูอัตโนมัติ นิยมใช้อลูมิเนียมทำเฟรมประตูหรือ กระจกในการตกแต่งอาคาร เพราะราคาไม่แพง สามารถประกอบเข้ารูปบานประตูซึ่งมีความสวยงาม ดูแลรักษาง่าย แต่หากต้องการความสวยงามหรูหรา เลือกได้เป็นเฟรมสแตนเลส เฟมไม้ หรือวัสดุอย่างอื่นตามความพอใจ
ประตูอัตโนมัติในสำนักงาน
ประตูอัตโนมัติที่เหมาะกับสำนักงาน นิยมใช้เป็นประตูอัตโนมัติ แบบบานเดี่ยว ที่เปิดด้านข้าง แต่สามารถใช้ได้กับแบบบานคู่ สำหรับประตูใหญ่ในสำนักงาน ในการเข้า-ออกประตูอัตโนมัติ อาจจะใช้บัตรพนักงาน ที่เป็น RFID ร่วมกับหัวอ่าน RFID เพื่อควบคุมประตู ใช้ในการเปิดปิดประตูของบริษัท เพื่อตรวจสอบการเข้าออกได้
ประตูอัตโนมัติอาคาร-สำนักงาน มีระบบให้เลือก 2 แบบ
- เปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ เวลาคนเดินเข้า-ออก
- ใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ควบคุมการผ่านประตู
ประตูอัตโนมัติในศูนย์ราชการ และ อพาร์ตเม้นต์,คอนโด
ศูนย์ราชการต่างๆ อพาร์ตเม้นต์ หรือคอนโด มีการใช้ประตูอัตโนมัติ เพื่อให้บริการและความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ โดยนิยมเป็นแบบประตูอัตโนมัติบานเลื่อนคู่ บานเปลือย ประตูอัตโนมัตินี้ รองรับหน้างานของประตู ด้วยความยาวของรางติดตั้งถึง 6 เมตร เมื่อใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์ประตูอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้รับบริการ ทั้งยังใช้ได้ทั้งแบบ เปิดทั้งซ้ายและขวา รองรับความยาวบานประตูเลื่อน 70-150 ซม. รองรับน้ำหนัก ประตูเลื่อนได้ 150 กก. ต่อบาน
เครื่องทาบบัตร สำหรับประตูคีย์การ์ด
- เครื่องบันทึกเวลา เหมาะกับสำนักงาน โรงงาน เพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลการทำงานของพนักงาน ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ทำให้องค์กรมีระเบียบในเรื่องงานบริหารงานบุsคคลดีมากขึ้น บัตรคีย์การ์ดที่นิยมใช้ได้แก่ คีย์การ์ดแบบแข็ง เพราะมีรูสำหรับคล้องสายคล้องคอ ที่สามารถใช้แทนบัตรพนักงาน
- เครื่องควบคุมประตู เหมาะสำหรับกับหอพัก โรงแรม โรงพยาบาล ห้องสมุด เพราะ เป็นสถานที่ที่ต้องการควบคุมไม่ให้คนนอกเข้า-ออกโดยไม่ได้รับอนุญาต มีเป้าหมายให้บุคคลภายในสถานที่นั้นๆ มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น บัตรคีย์การ์ดที่นิยมคือ คีย์การ์ดแบบแข็ง และคีย์การ์ดแบบคีย์แท็ก ส่วนโรงแรมนั้นนิยมใช้คีย์การ์ดแบบอ่อน เพราะสามารถพิมพ์ชื่อของโรงแรมลงบนบัตรได้
บัตรคีย์การ์ด แบบ Proximity Card สามารถใช้งานร่วมกับชุดหัวอ่าน ประเภท Proximity Card Reader (ID CARD)ได้ทั่วไป ทั้งระบบบันทึกเวลาทำงานพนักงาน และระบบ Access Control บัตรคีย์การ์ด แบบ Proximity Card มีให้เลือกใช้ได้ ทั้งขนาดบาง (ขนาด 0.76 – 0.8mm) และขนาด (ขนาด 1.8mm) และแบบพวงกุญแจ (Key Tag) ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
Proximity Card แบบบาง 0.8 มิลลิเมตร สามารถเข้าเครื่องพิมพ์บัตรได้
- Proximity Card แบบหนา 1.8 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับใช้เป็นบัตรพนักงาน เพราะมีรูสำหรับห้อยสายคล้องคอ
- Key Tag มีลักษณะเป็นกุญแจ เพื่อความสะดวกในการพกพา
- บัตรคีย์การ์ด แบบ Mifare Card เป็นบัตรที่ใช้กับ Reader ที่มีคลื่นความถี่ 13.56 Mhz เท่านั้น ใช้งานแบบไม่ต้องสัมผัส ทาบบัตร Mifare ใกล้ ๆ Reader ไม่เกิน 10 CM ก็สามารถรับส่งข้อมูลได้ บัตรคีย์การ์ด แบบ Mifare Card มีความจุ 1Kbit ,2 Kbit , 4 Kbit ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับลักษณะงานของแต่ละหน่วยงาน
- Milfare 1K หนาเพียง 0.8 มิลลิเมตร
- Milfare 4K หนาเพียง 0.8 มิลลิเมตร สามารถบันทึกข้อมูลลงบนบัตรเพิ่มได้ เช่น ชื่อผู้ใช้ หรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆของเจ้าของบัตร
ระบบ Access Control ถ้าแปลตรงตัวก็คือระบบควบคุมการเข้าถึง แต่ถ้าพูดภาษาที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็คือระบบควบคุมการผ่านเข้าหรือออก ในที่นี้เราจะใช้กับการผ่านเข้าออกประตูหรือการผ่านเข้าออกพื้นที่ ระบบ Access Control ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็ได้แก่ระบบ Key Card ซึ่งคำนี้เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว ซึ่งระบบ Key Card สมัยก่อนๆ ใช้กุญแจที่ทำจากสแตนเลสต้องเสียบเข้าไปในช่องที่หน้าประตู พกใส่กระเป๋าสตางค์ไม่ได้
จนกระทั่งเทคโนโลยีเกี่ยวกับ RFID ได้เข้ามา ทำให้ระบบ Key Card เดิมได้ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น มีลักษณะเป็นบัตรเหมือนบัตร ATM แต่ไม่มีแถบแม่เหล็กหลังบัตร สามารถพกพาได้สะดวก บางแบบยังออกแบบเป็นพวงกุญแจขนาดเล็กเท่ากับสลักฝาเครื่องดื่มกระป๋อง การใช้งานก็เปลี่ยนไป ด้วยเทคโนโลยี RFID ซึ่งใช้คลื่นวิทยุในการส่งสัญญาณรหัสบัตรไปยังเครื่องอ่านบัตร ทำให้ไม่ต้องมีการรูดหรือเสียบบัตรอีกต่อไป เพียงแต่นำบัตรไปวางในตำแหน่งด้านหน้าของเครื่องอ่านบัตรหรือ เครื่องทาบบัตร หากสักประมาณ 3-6 เซ็นติเมตร ประตูก็จะปลดล๊อค
เคยส่งสัยหรือไม่ว่าแล้วประตูปลดล๊อคได้อย่างไร หลักการทำงานก็ง่ายๆ ครับ เมื่อเรานำบัตรไปทาบหน้าเครื่องอ่านบัตร (Card Reader) เครื่องอ่านบัตรจะส่งสัญญาณวิทยุ ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าอ่อนๆ ออกมาจากขดลวดซึ้่งทำหน้าที่เป็นสายอากาศ จากนั้นบัตร RFID ที่เรามักใช้สำหรับงาน Access Control ซึ่งส่วนใหญ่มีการใช้งานกันอยู่ใน 2 ย่านความถี่ได้แก่ 125 kHz (Proximity Card) และ 13.75 mHz (Mifare Card) ภายในจะมีขดลวดเล็กพันเป็นวงและเชื่องต่อเข้ากับ Chip ซึ่งถูกฝังอยู่ภายในตัวบัตร (RFID Card) เมื่อบัตรถูกนำไปใกล้รัศมีที่สามารถรับสัญญาณไฟฟ้าอ่อนๆ จากเครื่องอ่านบัตร บัตรจะได้รับกระแสไฟฟ้านำเหนี่ยว ทำให้เกิดเป็นพลังงาน และส่งกลับข้อมูลออกไปยังเครื่องอ่านบัตร เครื่องอ่านบัตรก็จะทำการแปลรหัสที่ได้ออกมาและตรวจสอบ ว่ารหัสนี้มีสิทธิในการผ่านเข้าออกหรือไม่ ถ้ามีเครื่องอ่านบัตรก็จะทำการสั่งให้ชุด Relay ทำงานตัดต่อวงจรไฟฟ้าที่ไปเลี้ยงชุดกลอนล๊อค ทำให้ประตูถูกปลดล๊อคนั้นเอง
ปัจจุบันด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การตรวจสอบเอกลักษณ์ของบุคคลด้วยลายนิ้วมือ (Fingerprint) ทำให้เรายิ่งสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้ลายนิ้วมือของเราแทนกุญแจ หรือบัตร ด้วยเครื่องสแกนลายนิ้วมือช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและมั่นใจได้ว่า โอกาสที่จะมีใครแอบอ้างก็จะหมดไป นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพเส้นเลือดดำ ซึ่งกำลังมาแรงเพราะสามารถแก้ไขปัญหาของกลุ่มคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับลายนิ้วมือที่ลอกหรือบางมากๆ ได้
เครื่องทาบบัตร คืออะไร??
เครื่องทาบบัตร คือ อุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ใช้คู่กับบัตรคีย์การ์ด ประโยชน์หลักๆของเครื่องทาบบัตรนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือใช้เป็นเครื่องบันทึกเวลา เหมาะกับสำนักงาน โรงงาน เป็นต้น และอีกประการคือใช้ติดตั้งกับเครื่องควบคุมประตู หรือที่เรียกว่าประตูคีย์การ์ด เหมาะสำหรับหอพัก โรงแรม คอนโด เป็นต้น
ข้อดีของเครื่องทาบบัตรนั่นก็คือความสะดวกกว่าเครื่องบันทึกเวลาประเภทอื่นนั่นก็คือ การใช้งานโดยที่ไม่ต้องสัมผัสที่ตัวเครื่อง เพียงแค่ยื่นบัตรเข้าไปที่เครื่องอ่าน ให้อยู่ในรัศมีที่เครื่องอ่านสามารถอ่านได้ เท่านี้ตัวเครื่องก็จะทำงานทันที เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการทำงานนั้นไช้หลักการของคลื่นวิทยุนั่นเอง ทำให้ไม่ต้องสัมผัสเครื่องเลยแม้แต่นิดเดียว
การประยุกต์การใช้งานเครื่องทาบบัตร
- เครื่องทาบบัตร ที่สามารถบันทึกข้อมูลการทาบบัตรไว้ได้ โดย เครื่องทาบบัตร ในกลุ่มนี้ จะสามารถบันทึกข้อมูลการทาบบัตรไว้เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การนำเวลาในการทาบบัตรไปคิดการทำงานของพนักงาน และคำนวณเงินเดือน เราพบเห็นการใช้งานในลักษณะนี้ ใน บริษัท ต่างๆ หรือนำข้อมูลการทาบบัตร ไปดูการเข้า-ออกของประตูว่ามีใครหรือบัตรใดบ้างเข้า-ออกในช่วงเวลาหรือวันดังกล่าว
- เครื่องทาบบัตร ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเปิด-ปิดประตู เป็นส่วนใหญ่ เครื่องทาบบัตร คีย์การ์ด ในกลุ่มนี้จะไม่มีการบันทึกข้อมูลการทาบบัตรแต่อย่างใด ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของบัตรและสิทธิของผู้ที่ถือบัตรใบนั้นและสั่งให้ประตูเปิดเพียงเท่านี้ จะพบเห็นการทำงานของ เครื่องทาบบัตรกลุ่มนี้จาก หอพัก , อพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น รูปตึก
- การนำ เครื่องทาบบัตร ไปติดตั้งร่วมกับประตูหรือเครื่องกั้นต่างๆ อย่างที่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปเช่น นำไปติดตั้งกับประตู Auto doorโดยการนำ เครื่องทาบบัตร คีย์การ์ด มาติดตั้งแทน อุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ให้นึกถึงร้านสะดวกซื้อที่มีประตูเปิด-ปิดทางเข้าร้านเวลาเราเดินมาที่ประตูตัวเซ็นเซอร์จะตรวจจับความเคลื่อนไหวถ้ามีความเคลื่อนไหวจะไปสั่งให้ประตูเปิดหลังจากนั้นประตูก็จะปิด เราก็เอาเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวออกและนำ เครื่องทาบบัตร มาติดตั้งแทน พอจะให้งานก็แค่ ทาบบัตรคีย์การ์ด เมื่อเครื่องตรวจสอบผ่านจะส่งสัญญาณให้ประตูเปิด
- การติดตั้ง เครื่องทาบบัตรกับเครื่องกั้นทาง เช่น tripod Turnstile , Flap Turnstile, swing Turnstile
บัตรคีย์การ์ด
คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันจะมีลักษณะเป็นพลาสติกสีขาวขุ่น รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดเท่าบัตร ATM ส่วนใหญ่นิยมใช้สำหรับหอพัก คอนโด โรงแรม หรือสำนักงานต่างๆเพราะสามารถใช้แทนบัตรพนักงานได้เลย ทำให้สะดวกไม่ต้องพกบัตรหลายใบ
บัตรคีย์การ์ดแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือบัตรคีย์การ์ดแบบ Proximity Card และแบบ Milfare Card ซึ่งการใช้งานจะคล้ายๆกัน แต่หลักการทำงานของแต่ละประเภทจะแตกต่างกันเล็กน้อย
เราสามารถหาซื้อบัตรคีย์การ์ดราคาถูกได้จากร้านค้าคัวแทนจำหน่ายได้ค่อนข้างง่าย หรือจะหาซื้อจากร้านในอินเตอร์เน็ตก็ได้ ราคามีหลายระดับให้เลือก รวมถึงคุณภาพและบริการก็จะแตกต่างกันไปตามราคาอีกด้วย ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อพิจารณาให้ดีก่อน อย่าพิจารณาจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทมีโอกาสที่จะเสียได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงควรพิจารณาจากคุณภาพและการบริการหลังการขายด้วย
“บัตรคีย์การ์ด” คำๆนี้เป็นคำที่เชื่อว่าน่าจะติดหูใครๆหลายคนในที่นี้อย่างแน่นอน เพราะถือว่าบัตรคีย์การ์ดนั้นแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในเมืองใหญ่ไปแล้ว เพราะสภาพสังคมและสภาพความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน ที่คนนิยมอาศัยอยู่ในบ้านเป็นหลังๆเปลี่ยนมานิยมอยู่อาศัยตามคอนโด หอพัก หรือโรงแรมมากยิ่งขึ้น ทำให้เจ้าอุปกรณ์เล็กๆที่เรียกว่า “บัตรคีย์การ์ด” เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น และปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าบัตรคีย์การ์ดใบเล็กๆนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งกับชีวิตของเรา
ลองนึกดูหากวันหนึ่งคุณลืมเอาบัตรคีย์การ์ดพกติดตัวมาด้วย แล้วคุณไม่สามารถที่จะเข้าที่พักได้ ต้องรอให้คนข้างในเปิดให้ หรือต้องรอเข้าพร้อมคนที่จะเข้าไป ซึ่งไม่ไช่เรื่องที่สนุกอย่างแน่นอน ดังนั้นบัตรคีย์การ์ดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสิ่งหนึ่งสำหรับคนที่อยู่คอนโด โรงแรม หรือหอพัก ไม่เชื่อคุณลองลืมบัตรคีย์การ์ดดูสักวันซิ รับรองว่าคุณจะต้องใจตุ้มๆต๋อมๆอย่างแน่นอนว่าจะเข้าหอได้หรือเปล่านั่นเอง
บัตรคีย์การ์ดที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่บัตรคีย์การ์ดแบบ Proximity Card เพราะเป็นบัตรที่ไม่ต้องการบันทึกข้อมูลอะไรลงไปบนบัตร ซึ่งแตกต่างกับบัตรคีย์การ์ดแบบ Milfare Card ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงบนบัตรได้นั่นเอง
ความสะดวกสบายคือสิ่งที่ทุกคนมองหา และด้วยความต้องการพื้นฐานนี้เอง จึงทำให้มนุษย์คิดต้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง และตัวอย่างหนึ่งของสิ่งประดิษฐ์ที่ยืนยันแนวความคิดนี้ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ “บัตรคีย์การ์ด” นั่นเอง

คีย์การ์ด แบบพวกกุญแจ
บัตรคีย์การ์ด สิ่งประดิษฐ์ที่เริ่มมาจากแนวคิดที่ใช้คู่กับเครื่องบันทึกเวลา แต่ได้มีการพัฒนาให้ใช้คู่กับประตูอัตโนมัติ โดยที่เราเรียกมันว่าประตูคีย์การ์ด เพราะต้องใช้คีย์การ์ดเป็นอุปกรณ์ในการเปิดประตูนั่นเอง และที่บอกว่าสะดวกสบายนั้นนั่นเป็นเพราะว่า ประตูคีย์การ์ดนั้น สามารถเปิดได้เองโดยอัตโนมัต โดยที่ไม่ต้องใช้มือไปสัมผัสที่ประตูเลยแม้แต่นิดเดียว สะดวกมากๆสำหรับคนที่หิ้วของหนักๆหรือถือของพะรุงพะรัง เพียงแค่ใช้บัตรคีย์การ์ดทาบไปที่เครื่องอ่านบัตรเพียงเท่านั้น ประตูก็จะเปิดออกมาเองอย่างง่ายดาย
นอกจากเรื่องของความสะดวกแล้ว ความปลอดภัยยังเป็นอีกเหตุผลหลักที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ประตูคีย์การ์ด เพราะประตูทั่วไปนั้น หากท่านไม่มีกุญแจ ท่านยังสามารถที่จะงัดเข้าไปได้ แต่สำหรับประตูคีย์การ์ดนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะสลักที่ทำจากแม่เหล็กไฟฟ้า นั้นจะมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าประตูทั่วไป จึงทำให้เรามั่นใจได้ถึงความปลอดภัยอย่างแท้จริง